ประเด็นร้อน

หลักฐานทุจริตมัด "วัดสระเกศฯ" ปมเงินทอน 62.5 ล้าน พบจ่ายไม่ถึงมือวัดในต่างจังหวัด

โดย ACT โพสเมื่อ Jun 12,2018

- - ขอบคุณข้อมูลจาก คมชัดลึก - -


11 มิ.ย.61-ที่กองบังคับการปราบปราม รายงานข่าวแจ้งว่า ความคืบหน้าของสำนวนการสอบสวนในคดีเงินทอนวัดคืบหน้าไปมากแล้ว ทั้งสำนวนของวัดสามพระยาวรวิหารและวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร แต่ในส่วนของวัดสระเกศวรมหาวิหาร ที่มีรายละเอียดค่อนข้างมากและต้องสอบปากคำพยานอีกอย่างน้อย 20 ปาก ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกไปแล้ว อาจต้องใช้เวลาอีกสักพัก 


สำหรับวัดสระเกศทางพนักงานสอบสวนมุ่งเน้นการสอบสวนไปที่การทุจริตเบิกจ่ายเงินจำนวน 2 โครงการหลักเป็นเงินรวม 62.5 ล้านบาท ที่ได้เขียนโครงการไปขอรับเงินสนับสนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเมื่อปี 2558 และ 2559 ต่อเนื่องกัน โดยระบุว่าจะนำไปใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในวัดสาขารวม 13 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัดในภาคอีสาน แต่จากการตรวจสอบของพนักงานสอบสวนพบว่ามีวัดที่ได้รับเงินอุดหนุนจากวัดสระเกศฯ เพียง 3 วัด ประกอบด้วยวัดดังใน จ.ราชบุรี จ.อุบลราชธานี จ.เชียงใหม่ และ สถานศึกษาทางด้านสงฆ์ใน จ.ขอนแก่น อีก 1 แห่งเท่านั้น ทั้งนี้แต่ล่ะแห่งได้รับเงินอุดหนุนไปแห่งละ 2 ล้านบาทรวมเป็นเงิน 8 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกกว่า 50 ล้านบาท จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าไม่ได้ถูกนำแจกจ่ายให้กับวัดสาขาอีก 9 วัด ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการขยายผลและสอบพยานเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะสรุปสำนวนได้ภายในต้นเดือนหน้านี้


รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส่วนกรณีข่าวลือว่าตำรวจกองปราบได้เข้าตรวจค้นวัดเทพศิรินทราวาสวรวิหาร นั้น จากการสอบถามสอบทางเจ้าหน้าที่กองปราบยืนยันว่าไม่มีการเข้าตรวจค้นแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ได้รับการประสานงานกับสำนักพุทธฯ ร่วมไปถึงจากการสอบถามชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักพุทธฯแล้วก็ยืนยันว่ายังไม่มีการไปตรวจค้นแต่อย่างใด


รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่กองปราบปรามจนถึงขณะนี้ได้ทำการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาไปเกือบทั้งหมดแล้ว ขาดเพียงพระพรมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ที่หลบหนีไปที่ประเทศเยอรมันนี ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรอผลคำขอลี้ภัยว่าทางการเยอรมันจะสรุปอย่างไร อีกทั้งในส่วนวัดเทพศิรินทราวาสวรวิหาร นั้นไม่ได้เป็นวัดเป้าหมายที่จะดำเนินคดีตั้งแต่แรก เนื่องจากไม่ได้กระทำความผิดและสำนักพุทธฯก็ไม่ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษตั้งแต่เริ่ 


รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในส่วนของ นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะมีการจับกุมเจ้าอาวาสวัดต่างๆในคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัดนั้น ล่าสุดมีรายงานว่าตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนเชิญตัว นายพิสิฐชัย ไปสอบปากคำแล้ว ซึ่งเบื้องต้นจากการพูดคุย นายพิสิฐชัย ให้ความร่วมมืออย่างดี โดยรับสารภาพว่าเป็นการโพสต์ข้อความดังกล่าวด้วยตัวเองจริง ทั้งนี้ นายพิสิฐชัย ยังอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ส่วนตัวทั้งหมด ซึ่งพบว่าก่อนหน้านี้ นายพิสิฐชัย ได้เคยโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจับกุมคดีเงินทอนวัดล็อต 3 ด้วย ซึ่งขณะนี้ก็ต้องรอให้มีผู้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายพิสิฐชัย ก่อน จึงจะสามารถแจ้งข้อหากับนายพิสิฐชัย ได้

 

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ในกรณีดังกล่าวเอง เนื่องจากเป็นการตรวจพบมูลฐานการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของตนเองและในวันพรุ่งนี้(12 มิถุนายน) จะนำตัวนายพิสิฐชัย มารับทราบข้อกล่าวหาที่กองปราบปราม ในข้อหาความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

#ร่วมเป็นพลเมืองตื่นรู้สู้โกง

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw